มาตรวจเช็คสุขภาพรถยนต์! เมื่อรถวิ่งเกิน 1 แสนกิโลเมตร ?

ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถยนต์บนท้องถนนหลายคันอาจจะผ่านการใช้งานมามาก จนหมดประกันแล้ว!โดยส่วนมากหากเป็นรถใหม่ป้ายแดงจะมาพร้อมการรับประกันคุณภาพประมาณ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รถยนต์บางคันอาจจะครอบคลุมยาวถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร เลยทีเดียว!

แต่ถ้าวันหนึ่งรถยนต์ของคุณหมดประกัน หากไม่อยากนำรถไปเข้าศูนย์เดิม เพื่อความประหยัด และความสะดวกเบื้องต้นก็สามารถตรวจเช็ค และเปลี่ยนชิ้นส่วนบางชิ้นของรถยนต์ได้ด้วยตัวเอง! หรือนำรถเข้าอู่นอกบ้างในบางครั้ง!

DTS Auto Group จึงขอแนะนำ 15 จุดที่ควรตรวจเช็คเป็นพิเศษหลังจากรถหมดประกัน หรือวิ่งเกิน 1 แสนกิโลเมตร ไปดูกันเลย!

1. ตรวจเช็คไฟรถยนต์ ✨

ควรเช็คไฟส่องสว่างรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าหรือไฟท้าย หากพบว่ามีหลอดใดหลอดหนึ่งขาด หรือให้แสงสว่างไม่เพียงพอควรรีบเปลี่ยนทันที แต่หากเป็นไฟแบบ LED อาจต้องซื้อทั้งชุดมาเปลี่ยนแทน!

2. ตรวจเช็คยางรถยนต์ ?

ปกติแล้วยางรถยนต์ของเรานั้นจะสามารถใช้งานได้ราว 50,000 กิโลเมตรเป็นอย่างน้อย แต่ถ้ายางรถยนต์คุณดีไม่มีเสียงดัง ยังคงมีดอกยางสำหรับการรีดน้ำ และไม่มีรอยปริของเนื้อยาง บางคันกลับยางรถยนต์ อาจจะยืดอายุได้มากถึง 70,000 – 100,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว! อย่างไรก็ตามสำหรับรถที่ใช้งานตามปกติ และยังไม่เคยเปลี่ยนยางในช่วง 3 ปี ก็ควรมองหายางใหม่เปลี่ยนได้แล้ว เพื่อความปลอดภัย!

3. ตรวจเช็คแบตเตอรี่ ?

การใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์จะมีอายุการใช้งานราว 2 ปี หรือน้อยกว่านั้น หากไฟแจ้งเตือนแบตเตอรี่แสดงบนแผงหน้าปัดรถยนต์ คุณก็ควรนำไปเช็คสภาพแบตเตอรี่ได้แล้ว ว่ายังมีประสิทธิภาพการเก็บไฟเหมือนเดิมหรือไม่!

4. ตรวจเช็คสีตัวถังรถยนต์ ?

รถยนต์ที่ไม่เคยถูกชนหนักมา จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องของสนิมมากนัก แต่สีอาจจะไม่สดเหมือนสมัยตอนออกรถใหม่ หากมีเวลาก็ลองเอารถไปขัดเคลือบสีดูบ้าง รถยนต์ของคุณจะทำให้รถดูสวยงาม ใหม่ และน่าใช้มากยิ่งขึ้น

5. ตรวจเช็คระบบเบรก ?

ระบบเบรกรถยนต์ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักที่ต้องตรวจเช็ค ได้แก่ ผ้าเบรก น้ำมันเบรก และจานเบรก ซึ่งระบบเบรกเป็นส่วนสำคัญในเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง หากเหยียบเบรกแล้วมีเสียงเอี๊ยด นั่นก็แปลว่าถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนผ้าเบรกได้แล้ว อย่าปล่อยให้ลามไปกินเนื้อจานเบรก เพราะราคาจานเบรกมันแพงกว่าผ้าเบรกอีกหลายเท่าตัว จากเสียน้อยจะเป็นเสียมากเอา!

6. ตรวจเช็คไส้กรองแอร์ ?

ปกติแล้วไส้กรองแอร์ควรเปลี่ยนทุก 20,000 กิโลเมตร ดังนั้นเมื่อครบระยะ 1 แสนกิโลเมตร ก็ควรจับมาเปลี่ยนอีกสักครั้ง! เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของคนที่ต้องใช้รถทุกวัน! และหลังจากหมดประกันก็ควรเปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร

7. ตรวจเช็คไส้กรองอากาศ ?

ไส้กรองอากาศมีผลต่อการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ หากไส้กรองมีสิ่งสกปรกอุดตัน อาจส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มที่ จะเกิดผลเสียต่อรถยนต์อันเป็นที่รักของเรา ซึ่งปกติไส้กรองอากาศควรเปลี่ยนทุก 30,000 กิโลเมตร หากครบระยะ 1 แสนกิโลเมตร หรือหมดประกัน คุณก็ควรตรวจเช็คไส้กรองอากาศได้เลยหากครบระยะ

8. ตรวจเช็คไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ⛽

ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งเบนซิน และดีเซล มีหน้าที่ดักจับสิ่งสกปรกที่มากับน้ำมัน รวมถึงน้ำที่เจือปนอยู่ โดยปกติจะเปลี่ยนทุก 2 ปีหรือประมาณ 40,000 กิโลเมตร หากรถยนต์ของคุณไม่ได้เปลี่ยนนานเมื่อครบระยะ 1 แสนกิโลเมตรก็ถือโอกาสเปลี่ยนได้แล้วค่ะ!

9. ตรวจเช็คหัวเทียน ☺

ปกติแล้วหัวเทียนควรเปลี่ยนทุกระยะประมาณ 40,000 กิโลเมตร แล้วแต่ชนิดของหัวเทียน หากพบว่าเร่งแล้วมีอาการเครื่องสะดุด เดินไม่เรียบ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าอาการมาจากหัวเทียนของรถคุณก็เป็นได้ หากรถยนต์ของคุณหมดประกันก็สามารถตรวจเช็คดู หรือไปเปลี่ยนได้เลยเมื่อครบระยะ

10. ตรวจเช็คลิ้นปีกผีเสื้อ (ถ้ามี) ?

ลิ้นปีกผีเสื้อคือวาล์วควบคุมปริมาณอากาศที่ไหลเข้าสู่เครื่องยนต์ ตัวนี้แหละค่ะที่เป็นตัวควบคุมรอบเครื่อง ถูกออกแบบมาใช้ในเครื่องยนต์เบนซินเป็นหลัก หากรถยนต์ของคุณครบ 100,000 กิโลเมตร ก็ควรล้างได้แล้วค่ะ หากลิ้นปีกผีเสื้ออุดตันอาจจะทำให้รอบเครื่องไม่นิ่ง เร่งสูงบ้างต่ำบ้าง สามารถหาอู่นอกที่รับทำได้มากมาย ราคาไม่แพงมาก!

11. ตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง ?

ปกติเราเปลี่ยนน้ำมันเครื่องกันทุกๆประมาณ 10,000 กิโลเมตรกันอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อรถพ้นระยะรับประกัน คุณก็ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำเหมือนเดิม! แต่อาจจะลองเข้าอู่นอกดูบ้าง อาจจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงจากเดิมก็ได้นะคะ ^^

12.ตรวจเช็คน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (ถ้ามี) ?

ถ้าเป็นรถรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า จะไม่มีกระปุกน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ จึงตัดการดูแลส่วนนี้ไปได้เลย!! แต่รถของคุณยังต้องใช้น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ก็ควรเปลี่ยนเมื่อน้ำมันเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนทุกๆระยะ 40,000 กิโลเมตร หลังจากรถยนต์ของคุณหมดประกันไปแล้ว!

13. ตรวจเช็คสายพาน ?

รถยนต์มีสายพานต่างๆ เช่น สายพานไทม์มิ่ง สายพานหน้าเครื่อง จะมีระยะเวลาการเปลี่ยนอยู่แล้ว หากพ้น 1 แสนกิโลเมตรเป็นต้นไป และยังไม่เคยทำการเปลี่ยน ก็ลองเช็คให้ดีว่าสายพานยังคงตึง ไม่ขาด หากพบว่าสึกหรอก็ควรรีบเปลี่ยนเลยทันที!

14. ตรวจเช็คยางแท่นเครื่อง ?

ยางแท่นเครื่องเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม แต่เป็นสิ่งสำคัญที่เชื่อมต่อเครื่องยนต์ และตัวถังรถยนต์เข้าไว้ด้วยกัน ยางแท่นเครื่องที่เสื่อมสภาพจะทำให้รถสั่นขณะเร่งเครื่อง มีเสียงรบกวนเข้ามามากกว่าปกติ หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ก็ควรเปลี่ยนได้แล้วค่ะ

15. ตรวจเช็คยางขอบประตู ?

หากเราใช้รถยนต์ไปนานๆ ยางขอบประตูจะมีการเสื่อมสภาพจนทำให้มีเสียงเล็ดลอดจากภายนอกเข้ามาได้ หากทนไม่ไหวจริงๆให้จับเปลี่ยนยางขอบประตูเหล่านี้ ราคาไม่แพงมากนัก แต่จะช่วยลดเสียงรบกวนลงได้มากเชียวละค่ะ!

ทั้งหมด 15 ข้อนี้เป็นชิ้นส่วนเบื้องต้นที่จำเป็นต้องมีการตรวจเช็คเท่านั้น รถเก่ายังมีชิ้นส่วนอีกมากมายที่ควรดูแล เมื่อครบอายุการใช้งาน ดังนั้นหากรู้สึกว่าเกิดความผิดปกติใดๆ ก็ควรรีบนำรถยนต์ไปแก้ไขให้เร็วที่สุด จะปลอดภัยต่อตัวคุณเอง และรถยนต์ที่คุณรัก

#แชร์เพื่อเป็นประโยชน์ #คนรักรถ

หากชอบบทความนี้ สามารถแชร์ด้านล่างได้นะคะ