5 ขั้นตอนในการแจ้งเบาะแสรถดัดแปลงไฟหน้า-ไฟท้าย ✨?
กรมการขนส่งทางบก ได้ออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายสินบนรางวัล และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป!
ให้ประชาชนสามารถส่งพฤติการณ์การกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 โดยผู้แจ้งจะได้รับส่วนแบ่งค่าปรับ 50% หลังหักเงินนำส่งรายได้แผ่นดินแล้ว
โดยวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมสร้างวินัย และความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เมื่อผู้ขับรถตระหนัก และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด จะส่งผลให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนอย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่งกรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิด และดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยมี 5 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ผู้แจ้งส่งหลักฐาน ?
การกระทำความผิดที่แจ้งต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์ครบถ้วน เช่น ภาพหรือคลิปวิดีโอ ต้องบันทึกการกระทำความผิดที่ชัดเจน วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ รายละเอียดรถ ทะเบียนรถ และอื่นๆ ให้มากที่สุด!
เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ผู้แจ้งต้องระบุชื่อและนามสกุลของผู้แจ้ง ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ช่องทางการติดต่อ และในกรณีผู้แจ้งประสงค์จะขอรับเงินส่วนแบ่งค่าปรับ ให้ระบุหมายเลขบัญชีธนาคารของผู้แจ้งด้วย!
**โดยข้อมูลของผู้แจ้งจะถูกปกปิดเป็นความลับ**
2. ช่องทางในการติดต่อ ☎
เมื่อรวบรวมหลักฐานครบถ้วนแล้วสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่
– สายด่วน 1584
– Line@ : @1584DLT
– Facebook : 1584 ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ
– เว็บไซต์ http://ins.dlt.go.th/cmpweb
– E-mail: dlt_1584complain@hotmail.com
– เดินทางมาร้องเรียนด้วยตนเอง
3. รับข้อความ SMS ?
ผู้แจ้งจะได้รับข้อความ SMS ยืนยันการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน!
4. สืบสวนข้อเท็จจริง ?
กรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการตามกระบวนสืบข้อเท็จจริง โดยเรียกตัวผู้ถูกร้องเรียนมารายงานตัว และสอบสวนจนได้ข้อยุติ โดยจะมีการแจ้งความคืบหน้าให้ผู้แจ้งทราบทาง SMS เป็นระยะจนกว่าจะได้ข้อยุติ!
5. รับเงินส่วนแบ่ง ??
การรับเงินส่วนแบ่งจะได้รับภายหลังจากที่ผู้กระทำความผิดได้ชำระค่าปรับตามข้อหาความผิดแล้ว จะมีข้อความ SMS ส่งให้ผู้แจ้งทราบผลการดำเนินการ และจะดำเนินการโอนเงินส่วนแบ่งค่าปรับตามบัญชีธนาคารที่ให้ข้อมูลไว้!
ขอบคุณข้อมูลจาก (กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News)

หากชอบบทความนี้ สามารถแชร์ด้านล่างได้นะคะ