เลือกกล้องติดรถอย่างไร ? ให้คุ้มค่าเงิน ?⭐

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขับรถยนต์บนท้องถนนในประเทศไทยเหมือนได้ไปสนามรบ~ ในตอนที่รถติดไฟแดงก็ต้องลุ้นว่าจะมีแมสเซ็นเจอร์ หรือ ไดร์เวอร์-เดลิเวอรี่ค่ายไหนจะเกี่ยวกระจกรถยนต์ของเรารึเปล่า.. หรือขับอยู่ดีๆ ก็เจอพวกปาดหน้าทำให้เราต้องเบรกรถยนต์อย่างกะทันหัน! และอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนท้องถนน ทำให้มีโอกาสเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้!

การมีกล้องติดรถยนต์ ก็เหมือนมีหลักประกันว่าหากเกิดกรณีดังกล่าว! เราจะมีหลักฐานในการหาตัวรับผิดชอบกับค่าเสียหายที่เราเสียไป ซึ่งการเสียเงินซื้อกล้องติดรถยนต์ตั้งแต่หลักร้อย-ถึงหลักหมื่นบาท จะเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ยังไงให้มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ามากที่สุด ? วันนี้ DTS Auto Group จะมาแนะนำจากประสบการณ์ของคนที่ใช้กล้องติดรถยนต์หลายประเภทมาฝากกันค่ะ

1. ใช้กล้องติดรถยนต์กี่ตัว ให้ได้คุณภาพ ?

แน่นอนว่าการใช้กล้องติดรถยนต์ 2 ตัว (ด้านหน้า-ด้านหลังรถยนต์) เราจะเก็บหลักฐานได้ดีกว่าการใช้กล้องติดรถยนต์เพียงตัวเดียว ทำให้ในปัจจุบันหลายคนก็มักจะนิยมใช้กล้องติดรถยนต์ 2 ตัวเช่นกัน แต่ปัญหาของการใช้กล้องติดรถยนต์ 2 ตัวคือถ้าเราอยากได้คุณภาพที่ดีทั้งกล้องด้านหน้า-ด้านหลังรถยนต์ ราคาก็มักจะสูงตามไปด้วย

ส่วนกล้องติดรถยนต์ 2 ตัวที่ราคาประหยัดก็มักจะเกิดปัญหาคือกล้องหลังจะมีคุณภาพต่ำ ส่วนมากกล้องหลังราคาประหยัดคุณภาพจะอยู่ที่ 480-720dpi เพียงเท่านั้น! ซึ่งภาพที่ได้จากกล้องหลัง จะเป็นภาพที่ไว้ดูเหตุการณ์โดยรวมมากกว่าการดูรายละเอียด!

ฉะนั้นก็จะมีคนใช้รถยนต์อีกกลุ่มหนึ่งที่ซื้อกล้องติดรถยนต์เฉพาะกล้องหน้ารถยนต์มา 2 ตัว แล้วใช้วิธีการนำไปติดตั้งทั้งด้านหน้าหน้า และหลังรถยนต์ วิธีนี้จะเป็นวิธีที่เราจะได้ภาพจากกล้องติดรถยนต์ที่ดีที่สุด~ และประหยัดมากกว่าการซื้อกล้องติดรถยนต์ 2 ตัวที่มีราคาสูง!

2. หน้าจอที่ตัวกล้องจำเป็นขนาดนั้นหรือ ?

การติดกล้องติดรถยนต์ที่มาพร้อมกับจอแสดงผล LCD มันไม่มีความสำคัญเลย อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มราคาของตัวกล้องโดยไม่จำเป็นอีกต่างหาก เพราะเวลาจะใช้งานจริงลำบากมาก! คุณลองคิดสภาพที่คุณต้องนั่งอยู่ในรถแล้วแหงนมองหน้าจอแสดงผล LCD ตัวจิ๋วตัวนั้นแล้วเลือกเมนูต่างๆ ดูสิ แค่คิดก็เมื่อยคอแทนแล้ว~

ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน จึงมีการพัฒนาแอปพลิเคชันที่จะช่วยให้เราเปิดดูภาพ และวิดีโอจากกล้องติดรถยนต์ได้บนสมาร์ทโฟน อย่างง่ายๆ อีกทั้งภาพและสีจะชัดเจนกว่าบนหน้าจอแสดงผล LCD เสียอีก! ลองคิดสภาพเวลาที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุคุณจะมุดเข้าไปในรถเพื่อดูกล้องจากในรถ หรือดูจากสมาร์ทโฟนอันไหนสะดวกกว่ากัน ? เราจึงแนะนำว่าถ้าจะซื้อกล้องติดรถควรหารุ่นที่สามารถ ดู VDO ผ่านสมาร์ทโฟนได้จะดีที่สุด!

3. ความละเอียดจะแสดงผล กับคุณภาพที่ได้! ?

หลายคนมองว่า การเลือกกล้องติดรถยนต์ที่ให้คุณภาพสูงที่สุด ย่อมดีกว่า~ แต่หารู้ไม่เมื่อเราใช้งานจริงนั้นการที่ใช้ภาพระดับ 4K หรือ 2K นั้น และใช้จอแสดงผลมีความละเอียดต่ำ ก็แทบจะไร้ประโยชน์ไปเลยก็ว่าได้! เพราะจอแสดงผลทั่วไปที่ทุกคนใช้งานนั้น จะมีความละเอียดอยู่ที่ Full HD หรือ 1080p ภาพที่แสดงผลออกมานั้น จึงไม่มีความต่างกันเลยแม้ว่าไฟล์ VDO นั้นจะเป็น 4K ก็ตาม

เราจึงอยากแนะนำให้คุณเลือกกล้องติดรถ ที่บันทึกภาพเป็น FHD 1080p จะดีที่สุด #สภาพ

4. ภาพต้องมีความชัดไม่ดำมืดแม้แสงจะน้อย ?

การเลือกกล้องติดรถยนต์ที่รองรับการถ่าย VDO ในตอนกลางคืนได้นั้นสำคัญมาก เพราะเราไม่สามารถกำหนดเวลาอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้ การเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ที่มีฟังก์ชันอินฟราเรด หรือฟังก์ชัน WDR ( Wide Dynamic Range ) จะช่วยให้เราเห็นรายละเอียดสำคัญในตอนกลางคืนได้!

ในปัจจุบันกล้องติดรถยนต์แทบจะทุกรุ่น ไม่ว่าจะถูกหรือแพง อย่างน้อยต้องมีใส่ฟังก์ชันอินฟราเรด หรือฟังก์ชัน WDR มาแต่ทั้งนี้ก็ต้องดูคุณภาพ และราคาของตัวกล้อง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ VDO ออกมามีคุณภาพ และใช้งานได้จริงในเวลากลางคืน หรือในสภาวะพื้นที่ที่มีแสงน้อย หรือลดแสงสว่างที่จ้ามากเกินไป!

5. ค่า FPS หรือเฟรมเรทที่เหมาะสม ?

เฟรมเรทเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนนั้นมองข้าม การใช้เฟรมเรทที่สูง และต่ำเกินไป ย่อมเกิดผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน เราควรเลือกใช้ให้เหมาะสมที่สุด

#เฟรมเรทสูงเกินไป : จะทำให้ภาพ VDO ไหลลื่น และเป็นธรรมชาติมาก แต่ข้อเสียคือเราจะมีขนาดไฟล์ VDO ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้ Memory นั้นเต็มไว้ และมีการเขียนทับที่บ่อยขึ้น! ทำให้อายุการใช้งานของ SD Card นั้นสั้นลง อีกทั้งประกันไม่รองรับในการเครม
หรือเปลี่ยนใหม่

#เฟรมเรทต่ำเกินไป : จะตรงข้ามกับเฟรมเรทสูงแทบทุกอย่าง ภาพ VDO ที่ได้จะไม่ไหลลื่น และไม่เป็นธรรมชาติ มีอาการเหมือนภาพสะดุดตลอดเวลา ภาพมัวขาดความคมชัด แต่ไฟล์ VDO ที่ได้มีขนาดเล็ก ทำให้ Memory นั้นไม่ต้องรับภาระหนัก และเสื่อมก่อนเวลา!

#เฟรมเรทที่เท่าไรจึงเหมาะสม : เราจึงอยากแนะนำค่าเฟรมเรทของกล้องอยู่ที่ 25-30-40 ซึ่งค่า FPS 30 นั้นถือเป็นมาตรฐานดีที่สุดที่เหมาะกับการใช้งาน และหาซื้อได้ตามท้องตลาด

6. มุมมองของกล้องที่เหมาะกับการใช้งานจริง ?

การติดตั้งกล้องติดรถยนต์ต้องคํานึงถึงมุมกล้องเป็นอย่างมาก เพราะมุมกล้องติดรถยนต์เป็นตัวแปรหลัก ของการมองเห็นรายละเอียดสำคัญที่เราต้องการ การเลือกกล้องควรมีมุมมองที่ดี และเห็นทัศนวิสัยบริเวณหน้ารถได้ทั้งซ้าย ขวา และจุดสำคัญคือด้านหน้ารถยนต์ ภาพจะต้องไม่บิดเบี้ยว สมส่วน มีความชัดเจน ไม่กว้าง หรือแคบจนเกินไป!

#การได้มุมมองที่กว้างเกินไป : จะส่งผลให้ภาพรถข้างหน้านั้นจะถูกผลักออกไป ทำให้รถที่อยู่ด้านหน้าของเรา จะมีขนาดเล็ก และสิ่งสำคัญทำให้ป้ายทะเบียนมีขนาดเล็กตามลงไปด้วย!

#การได้มุมมองที่แคบเกินไป : ส่งผลให้ภาพรถข้างหน้านั้นจะถูกดูดเข้ามา มีขนาดใหญ่มากกว่าปกติ ข้อดีคือป้ายทะเบียนมีขนาดใหญ่ และชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียที่สำคัญคือเราจะไม่สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ เช่นกัน!

#กล้องติดรถยนต์ #TaboyH2o #กล้องหน้ารถ #กล้องติดรถยนต์หน้าหลัง #กล้องติดหน้ารถ #ติดกล้องหน้ารถ #กล้องติดรถ #กล้องรถยนต์ #กล้องหน้ารถยนต์

หากชอบบทความนี้ สามารถแชร์ด้านล่างได้นะคะ