มือใหม่ต้องรู้! ตำแหน่งของเกียร์อัตโนมัติ ?
แชร์เก็บไว้ ได้ใช้แน่นอน ~

รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ หรือเกียร์ออโต้ เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะด้วยความง่าย และสะดวกสบายในการขับขี่ไม่ต้องมากังวลกับการเปลี่ยนเกียร์เลียคลัชบ่อย ๆ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นข้อดี และเหมาะสำหรับมือใหม่เป็นอย่างมาก!!

วันนี้ DTS Auto Group จึงได้นำตำแหน่งต่าง ๆ ของเกียร์อัตโนมัติ ที่มือใหม่หัดขับควรรู้มาฝาก ไปดูกันเลย!!

1. P (Parking) ใช้สำหรับจอดรถ (แบบล็อกล้อ) 

การที่เราจะเปลี่ยนมาที่เกียร์ P นั้นก็ควรจะเปลี่ยนต่อเมื่อรถจอดนิ่งสนิทแล้ว และต้องการดับเครื่องเพื่อเลิกใช้งาน เพราะจะเป็นการล็อคล้อไว้ไม่ให้รถเคลื่อนได้

หากต้องการจอดในพื้นที่ทางลาดชันเกียร์ P นี้เช่นกัน โดยขอแนะนำให้ ดึงเบรกมือเสริมไว้ด้วย เพื่อป้องกันเกียร์เสียหายกรณีที่ถูกชนท้าย

#ข้อระวัง ควรใช้เกียร์นี้เฉพาะในตอนที่จอดรถในตำแหน่งที่ไม่กีดขวางรถคันอื่นด้วย รวมถึงก่อนสตาร์ทรถเราควรเช็กให้ตำแหน่งเกียร์อยู่ที่ P ด้วยเช่นกัน!!

ซึ่งจะล็อคล้อไว้ไม่ให้รถเคลื่อน โดยเราจะเปลี่ยนเกียร์มาที่ P เมื่อรถจอดนิ่งสนิทแล้วและต้องการดับเครื่อง เลิกใช้งาน หรือเมื่อต้องการจอดรถบนทางลาดชัน (ข้อแนะนำ : ควรดึงเบรกมือ เสริมด้วย เพื่อป้องกันเกียร์เสียหาย ถ้าถูกชนท้าย) นอกจากนั้น ก่อนสตาร์ทรถ ตำแหน่งเกียร์ควรจะอยู่ที่ P เช่นเดียวกัน

2. R (Reverse) เกียร์ถอยหลัง ?

เมื่อเราเปลี่ยนเกียร์มาอยู่ที่ตำแหน่ง R แล้ว รถของเราก็จะถอยหลังได้เองอย่างช้าๆ โดยที่เรานั้นไม่ต้องเหยียบคันเร่งเลย

#ข้อระวัง ไม่ควรเหยียบคันเร่งทันทีในขณะที่ถอยหลัง เนื่องจากจะทำให้รถถอยอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งอาจจะเกิดอุบัติเหตุชนคนได้!

3. ตำแหน่ง N (Neutral) เกียร์ว่าง ?

เราจะใช้เกียร์นี้ก็ต่อเมื่อต้องการจอดรถไว้ชั่วคราว เพราะการที่เกียร์อยู่ในตำแหน่ง N นี้ รถเราก็จะยังสามารถถูกเลื่อนหรือเข็นได้

ซึ่งเหมาะจะใช้ในกรณีการจอดรถในห้าง จอดรถขวางหน้ารถคันอื่น จอดรถติดไฟแดง และจอดรถขวางทางเข้าออก

การที่เราใส่เกียร์ N ไว้ ผู้อื่นจะยังพอขยับรถเราไม่ให้ขวางทางออกของรถเขาได้ และข้อสำคัญในกรณีนี้ก็คืออย่าลืมปลดเบรกมือออกด้วยนะคะ ^^

4. ตำแหน่ง D (Drive) เกียร์ขับ ??
D เป็นตำแหน่งสำหรับเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ซึ่งโดยปกติแล้ว เกียร์ D ถือว่าครอบคลุมการขับขี่ในทุกรูปแบบ หากคุณเป็นมือใหม่หัดขับ การใช้ตำแหน่งเกียร์ D อย่างเดียวก็เพียงพอต่อการเดินทางทั่วไปแล้ว

สำหรับรถบางรุ่นที่มีตำแหน่งเป็นตัวเลข เช่น 2, 3 และ 4 หรือ มีอักษร D ควบคู่ เช่น D2, D3 และ D4 นั่นหมายถึง อัตราทดสูงสุดที่ยอมให้เกียร์ทด ยกตัวอย่างเช่น ตำแหน่ง 2 หมายถึง รถจะใช้เพียงเกียร์ 1-2 เท่านั้น เช่นเดียวกับตำแหน่งเกียร์ 4 รถจะใช้เพียงเกียร์ 1-4 ไม่ปรับเป็นเกียร์ 5 ให้แต่อย่างใด

5. ตำแหน่ง L (Low) ใช้สำหรับขึ้น-ลงเนิน ?

หากว่าเราต้องการที่จะขับรถขึ้น-ลงเนินหรือภูเขาที่มีความสูงชันมากๆ ก็ควรที่จะใช้เกียร์ L โดยเฉพาะในตอนลงเขา เกียร์ L จะเป็นการใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก เพื่อลดการเหยียบเบรกของเรา ทำให้เราสามารถยืดอายุผ้าเบรกของเราไปได้

6. ตำแหน่ง S (Sport) ใช้สำหรับการเร่งแซง ?

เกียร์ S บางคันอาจเป็นปุ่ม Sport ซึ่งโหมดสปอร์ตจะปรับสมองกลเกียร์ให้เปลี่ยนอัตราทดในรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ช่วยเพิ่มกำลังจากเครื่องยนต์ให้เร่งแซงได้ฉับไวกว่าปกติ

#ข้อระวัง ไม่ควรใช้โหมด Sport ขณะขับขี่ทางไกลด้วยความเร็วสูง เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันอย่างมาก!

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะประโยชน์ต่อการขับรถของมือใหม่ หากมีความรู้พื้นฐานในการใช้เกียร์อัตโนมัติ และรู้จักการทำงานของตำแหน่งเกียร์แต่ละตำแหน่ง ก็จะช่วยให้การฝึกขับรถยนต์เป็นเรื่องง่ายขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ..

หากชอบบทความนี้ สามารถแชร์ด้านล่างได้นะคะ